หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ

แชร์บทความ

เทพเจ้าแห่งทะเลตะวันออก : หลวงพ่ออี๋

หลวงพ่ออี๋ พุทธสโร (พระครูวรเวทมุนี) พระเกจิอาจารย์และอดีตเจ้าอาวาสวัดสัตหีบ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2408 ตรงกับปลายรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.4) ณ บ้านตำบลสัตหีบ กิ่งอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี บิดาชื่อ นายขำ มารดาชื่อ นางเอียง นามสกุล ทองขำตรง

ในปี พ.ศ. 2433 เมื่ออายุได้ 25 ปี ท่านได้อุปสมบท ณ วัดอ่างศิลานอก (ซึ่งปัจจุบันได้ยุบรวมเป็นวัดอ่างศิลาเดียววัดเดียว) โดยมี พระอธิการจั่น จนฺทสโร วัดเสม็ด เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ทิมเป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์แดง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า… พุทฺธสโร

ท่านได้อยู่ศึกษาธรรมมะและเวทมนตร์ต่าง ๆ กับพระอาจารย์แดง ถึง 6 พรรษา ก่อนไปฝากตัวเป็นศิษย์กับ พระครูพิพัฒนิโรจธกิจ (ปาน) วัดคลองด่าน (วัดบางเหี้ย) ซึ่งช่วงนั้นมีชื่อเสียงมาก และท่านยังได้ออกธุดงควัตรไปทั่วทุกภาคของประเทศไทย เมื่อบังเกิดความกล้าแข็งทางจิต สัมฤทธิ์ในธรรมแล้ว ในปี พ.ศ. 2442 ท่านจึงเดินทางกับมาสร้าง วัดสัตหีบ (วัดหลวงพ่ออี๋) ใช้เวลาเพียง 5 ปีวัดจึงสร้างเสร็จสมบูรณ์ และท่านเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก

ด้านงานปกครอง ในปี พ.ศ. 2467 ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็น เจ้าคณะตำบลสัตหีบ และเป็นพระอุปัชฌาย์ และปีพ.ศ. 2484 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะแขวงกิ่งอำเภอสัตหีบ
ส่วนสมณศักดิ์ ในปี พ.ศ. 2484 ได้รับพระพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตร ในราชทินนามที่ “พระครูวรเวทมุนี”
หลวงพ่ออี๋ ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิปัสสนากรรมฐาน และมีชื่อเสียงจากการปลุกเสกเครื่องรางของขลัง กล่าวกันว่าในระยะ พ.ศ. 2483-86 นั้น หลวงพ่ออี๋ก็มีของดีเกรียงไกรออกสู่สงครามอินโดจีนไปก็มาก ชื่อเสียงของท่านดังขนานไปกับหลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา และหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอกทีเดียว โดยท่านได้สร้างพระเครื่อง, เครื่องรางของขลังต่าง ๆ ไว้มากมาย อาทิเช่น ปลัดขิก ตะกรุด ผ้ายันต์ เสื้อยันต์ ผ้าพันหมวกทหารเรือ เหรียญพระปิดตา “พระสาม” และ “พระสี่” (พรหมสี่หน้า) ซึ่งเด่นในด้านพุทธคุณ แคล้วคลาด และคงกระพันชาตรี ซึ่งล้วนแต่สร้างประสบการณ์เป็นที่ปรากฏเลื่องลือไปทั่วประเทศ

พระเครื่องรางของขลังของ หลวงพ่ออี๋ มีสร้างออกมามากแบบเอาใน พ.ศ. 2484 และตาม พ.ศ. นี้เอง “พระสาม” และ “พระสี่” หรือ พระพรหมสี่หน้า ก็ได้กำเนิดตามออกมาด้วย พระทั้ง 2 พิมพ์เป็นพระเนื้อเมฆพัด องค์หนึ่งทำเป็นพระ 3 หน้าพระทับนั่งบนฐานบัวกลีบ (3 หน้า 3 องค์) ส่วนพระสี่หรือพรหมสี่หน้าก็ทำเป็นพระประทับนั่งบนฐานเขียงเหมือนกันทั้ง 4 หน้า (4 หน้า 4 องค์)

หลวงพ่ออี๋ ท่านได้ใช้วิชาอาคมอันแก่กล้า มาสร้างและปลุกเสกเครื่องรางของขลังต่าง ๆ มาแจกกับศิษยานุศิษย์ โดยเฉพาะ ปลัดขิก นั้นโด่งดังที่สุดในเมืองไทย เป็นที่เลื่องลือในคุณวิเศษมาจนถึงทุกวันนี้ หลวงพ่ออี๋ ท่านได้ถึงแก่มรณภาพในท่านั่งสมาธิอย่างสงบ ในวันที่ 20 กันยายน พ.ศ.2489 เวลา 21.05 น. สิริอายุรวม 82 ปี 56 พรรษา

.

.

*หลวงพ่ออี๋ ท่านก็บอกให้พระที่นั่งเฝ้าพยาบาลแวดล้อมท่านอยู่ ช่วยประคองให้ท่านลุกขึ้นนั่ง แล้วสั่งไม่ให้ทุกคนแตะต้องตัวท่าน เสร็จแล้วท่านก็นั่งสมาธิตัวตรง

จนเวลา 21.05 น. นั้นไม้กระดานแผ่นหนึ่งที่ตั้งพิงพนังกุฏิ ได้ล้มลงฟาดพื้นเสียงดัง และในจังหวะนั้น กระจกหน้าบานประตูตู้ ก็หลุดลงมาแตกกระจายทั่วพื้น พระและลูกศิษย์ที่เฝ้าดูแลท่านอยู่ ต่างสะดุงตกใจ เมื่อได้สติแล้วจึงได้เข้าไปดู พบว่า หลวงพ่ออี๋ ได้จากไปแล้วในท่านั่งสมาธินั้นเอง.

.

.

.

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก…

.

Google

Th.wikipedia.org

Pinterest.com

FB : โทน บางแค FC.

FB : วัดสัตหีบ/watsattahip

khaosod.co.th/ ข่าวสด

muengthaiamulet.com/

dharma-gateway.com/

prakumkrong.99wat.com/

monkhistory.kachon.com/

komchadluek.net/ คมชัดลึก

rapantip.com/ พระพันธุ์ทิพย์  

thaprachan.com / ท่าพระจันทร์ดอทคอม

prathaprachan-mag.com / นิตยสารพระท่าพระจันทร์ 

ติดต่อลงประกาศข้อมูลพระเครื่อง

บทความเพิ่มเติม

หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ

เทพเจ้าแห่งทะเลตะวันออก : หลวงพ่ออี๋ หลวงพ่ออี๋ พุทธสโร (พระครูวรเวทมุนี) พระเกจิอาจารย์และอดีต

พระขุนแผนเคลือบ เมืองอยุธยา

พระขุนแผนเคลือบ กรุวัดใหญ่ชัยมงคล . วัดใหญ่มงคล หรือ “วัดป่าแก้ว” วัดสำคัญแห่งเมืองกรุงเก่า สร้างขึ้