พระพุทธชินราช หลวงพ่อใหญ่แห่งวัดใหญ่

.
.
พระพุทธชินราช หรือที่ชาวเมืองพิษณุโลกเรียก “หลวงพ่อใหญ่” ซึ่งเรียกตามชื่อวัดที่ประดิษฐานองค์พระท่านคือ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร โดยเรียกว่า… “ วัดใหญ่” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน่านฝั่งตะวันออก ถนนพุทธบูชา ในตัวเมืองพิษณุโลก
พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูป ปางมารวิชัย สร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1900 ในรัชสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (ลิไท) แห่งกรุงสุโขทัย สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นพร้อมกับ พระพุทธชินสีห์ และ พระศรีศาสดา และพระ(หลวงพ่อ)เหลือ องค์พระได้รับการยกย่องว่างดงามที่สุดและนิยมจำลองมากที่สุดองค์หนึ่งในไทย และเป็นที่ศรัทธาของผู้คนทั่วสารทิศที่เดินทางไปสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
.
.
.
.

*มีตำนานเล่าว่า… การหล่อพระพุทธชินราชเป็นไปด้วยความยากลำบาก หล่อหลายครั้งก็ยังไม่สำเร็จ จนกระทั่งมีชายชรา (ชีปะขาว) เข้ามาช่วยเหลือ การหล่อจึงสำเร็จเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี แล้วชีปะขาวท่านนั้นก็จากไปไม่มีผู้พบเห็นอีกเลย …เชื่อกันว่าชาวชราผู้นั้นเป็นพระอินทร์แปลงกายมาช่วยสร้างพระ
.
*เดิมพระพุทธชินราช ไม่ได้ลงรักปิดทอง กระทั่ง ปี พ.ศ. 2146 สมเด็จพระเอกาทศรถคราวเสด็จพระราชดำเนินมา นมัสการพระพุทธชินราช ได้โปรดให้มีการนำเครื่องราชูปโภคมาตีแผ่เป็นทองคำเปลว สำหรับปิดทองเป็นครั้งแรก
.
.

พุทธศิลป์
พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูป ปางมารวิชัย ที่วิจิตรอ่อนช้อยงดงาม หล่อขึ้นด้วยทองสัมฤทธิ์ขัดเงาเกลี้ยง พุทธลักษณะ เป็นพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัย *บ้างว่าใช้ช่างจากเมืองศรีสัชนาลัย และเมืองหริภุญชัย ที่มีลักษณะเด่น แตกต่างไปจากสุโขทัยคลาสสิก โดยมีเส้นรอบนอกพระวรกายอ่อนช้อย วงพระพักตร์เอิบอิ่มค่อนข้างกลม ไม่ยาวรีเหมือนเช่นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย พระขนงโก่ง พระเกตุมาลาเป็นรูปเปลวเพลิง มีพระอุณาโลมผลิกอยู่ระหว่างพระขนง สังฆาฏิยาวปลายหยักเป็นเขี้ยวตะขาบ ปลายนิ้วพระหัตถ์ทั้งสี่มีความยาวเสมอกัน ฝ่าพระบาท มีลักษณะที่แบนราบ และแคบ
.
และที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของพระพุทธชินราช คือ ซุ้มเรือนแก้ว สร้างจากไม้สักแกะสลักงานฝีมือชั้นครูศิลปะสมัยอยุธยาผสมเชิงช่างทางเหนือ เรียกว่า “งานจำหลักไม้ ปิดทอง” ตัวเรือนแกะยอดบนเป็นปลายหางตัว “มกร” ประกบกัน คล้ายช่อฟ้า ก่อนจะทอดยาวเป็นลายอ่อนช้อยครบองค์ประกอบของเครื่องสูง ไม่ว่าจะเป็นการขยักลำตัวในลักษณะงวงไอยรา การจำหลักครีบตั้งขึ้นมาเป็นใบระกา ก่อนจะกระดกหัวเป็นมกร (เหรา) เป็นลักษณะอุบะโค้งขึ้นด้านบน ส่วนด้านล่างคล้ายสัตว์หิมพานต์ประเภทหนึ่งมีลำตัวยาวคล้ายนาค แต่ท่อนหัวซึ่งอยู่สองฟากองค์พระกลับทำเป็นรูปตัวสัตว์ที่มีงวงคล้ายคชสาร มีขาคล้ายราชสีห์ เข้าใจว่ามิได้สร้างพร้อมองค์พระพุทธชินราช แต่ได้รับการปฏิสังขรณ์เรื่อยมา
ตรงฐานบัวด้านหลัง มีรูปอาฬวกยักษ์ และรูปท้าวเวสสุวัณหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ เฝ้าอยู่ที่พระเพลาเบื้องขวาและซ้ายตามลำดับ ด้วยซุ้มเรือนแก้วที่ประดิษฐ์เพิ่มเข้ามานี้มีความประณีตอ่อนช้อย ช่วยเน้นให้พระวรกายของพระพุทธชินราชมีความสง่างามยิ่งขึ้น นับเป็นพระพุทธรูปที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในประติมากรรมพุทธศิลป์ที่งดงามที่สุดในไทย และที่สุดในโลก
.

.
.
.
*ภาพถ่ายวิหารพระพุทธชินราช ในรัชสมัย ร.7
ข้อสังเกตในการกำหนดอายุภาพคือแจกันหินอ่อนคู่ในที่วางเบื้องหน้าพระพุทธชินราช เป็นแจกันแกะสลักจากหินอ่อนอิตาลี พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานถวายเป็นพุทธบูชาแก่พระพุทธชินราชเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเลียบมณฑลฝ่ายเหนือพ.ศ.2469
.
.
.

.
**ในปี พ.ศ. 2441 สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จออกตรวจราชการมณฑลพิษณุโลก ท่านได้เสด็จนมัสการยังวิหารแห่งนี้ ได้ทรงบรรยายถึงความสวยงามขององค์พระพุทธชินราช ที่เน้นให้เกิดจุดสนใจของทางเข้าอาคารกับที่ตั้งองค์พระ ภายในอาคารที่ค่อนข้างมืด ซึ่งเดินเข้าจากที่แสงสว่างมากภายนอก
เมื่อเดินเข้าไปแล้วจะเกิดภาวะสายตามืดไปชั่วขณะ เมื่อเข้าไปแล้วจะเห็นฉากหลังองค์พระมืดทึบ ผู้ชมจะตกตะลึงถึงกับขนลุกขนพองด้วยความยำเกรง เมื่อเข้าไปใกล้องค์พระ จะเกิดความรู้สึกปีติซาบซ่าน จนไม่อยากกลับออกมาอีก.
.
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก…
Th.wikipedia.org/
pinterest.com/
aurora.co.th/
roijang.com/
thairath.co.th/ ไทยรัฐ ออนไลน์
FB : สองแคววันวาน
FB : ซื้อขาย ภาพเก่า รูปเก่า
FB : พลอย แกลเลอรี่ออนไลน์
FB : สยามพหุรงค์ โดย หนุ่มรัตนะ