หลวงพ่อพระชีว์ (หลวงพ่อประจี) ณ วัดบูรพาราม

วัดบูรพา วัดเก่าแก่ตั้งอยู่กลางเมืองสุรินทร์ ประวัติกล่าวว่า วัดสร้างขึ้นในสมัยกรุงธนบุรี ซึ่งมีอายุเท่ากับการก่อตั้งเมืองสุรินทร์ โดย พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์ จางวาง (ปุม) เป็นเจ้าเมืองสุรินทร์คนแรก ท่านได้ร่วมกับชาวเมืองสร้างวัดขึ้นเป็นศูนย์รวมจิตใจชาวสุรินทร์ ในช่วงประมาณปี พ.ศ. 2300-2330 ซึ่งในอดีตใช้ชื่อว่า “ วัดบูรพ์ ”
หลวงพ่อพระชีว์ (หลวงพ่อประจี) พระพุทธรูปองค์สำคัญในวัดบูรพา ท่านเป็นพระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของสุรินทร์ ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 2 เมตร 9 เซนติเมตร โดยประมาณ ไม่มีประวัติกล่าวว่าผู้ใดสร้าง หรือสร้างเมื่อใด ทั้งยังไม่มีการจารึกหลักฐานใดๆ ไว้ องค์พระเป็นเนื้อดินเผาอัดแน่น โดยไม่อาจทราบว่าด้านในนั้นเป็นอะไรบ้าง มีพุทธลักษณะละม้ายไปทางศิลปะแบบขอมในยุคขอมเรืองอำนาจ พระพักตร์กลม พระขนงโค้งงาม พระกรรณยาวเกือบจรดพระอัสสุ มีเกตุโมฬีดุจดังดอกบัวโกมุท พระโอษฐ์ดุจดังว่ากำลังแย้มพระสรวล ทำให้ผู้ที่ได้มาสักการะพากันอิ่มเอมใจว่า หลวงพ่อพระชีว์กำลังยิ้มให้เป็นสิริมงคล องค์หลวงพ่อประดิษฐานในพระวิหารจัตุรมุข ทางด้านตะวันตกของพระอุโบสถภายในวัดบูรพาราม ที่สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นมาพร้อมกับวัด เพราะประดิษฐานอยู่ในมณฑปจัตุรมุขที่ก่อไว้สูงมากเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นการแสดงความเคารพนับถือในองค์หลวงพ่อพระชีว์เป็นอย่างยิ่ง
.

ชาวสุรินทร์ และชาวอีสานใต้ ต่างกล่าวขวัญถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อพระชีว์ เชื่อว่าท่านสามารถดลบันดาลให้ผู้ที่มาขอพรสำเร็จประโยชน์ สมหวัง ดังความปรารถนาได้ มีเรื่องเล่าว่าในอดีตนั้นชาวบ้านพากันมาพึ่งบารมีหลวงพ่อในยามสงคราม ทำให้เมืองสุรินทร์พ้นภัยจากการทิ้งระเบิดในยุคสงครามครั้งที่ 2 และต่างมาขอพรและบนบานหลวงพ่อพระชีว์ เมื่อเกิดยุคเข็ญหรือโรคระบาดอีกด้วย และเมื่อมีเรื่องขัดแย้งในชุมชนถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาล หากมีการท้าให้พิสูจน์ตนด้วยการดื่มน้ำสาบานต่อหน้า หลวงพ่อพระชีว์ หากคู่กรณีกล้าดื่ม เรื่องขัดแย้งก็มักจะจบลงด้วยดีเสมอ หลวงพ่อท่านจึงเป็นที่พึ่งทางใจและเป็นศูนย์ร่วมจิตใจชาวสุรินทร์มาเสมอ
.
ต่อมาในปีพ.ศ.2476 สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เจ้าคณะมณฑล ได้อนุมัติให้วัดแห่งนี้เป็นวัดในสังกัดคณะธรรมยุตแห่งแรกในจังหวัดสุรินทร์ และได้นิมนต์พระราชวุฒาจารย์ หรือ หลวงปู่ดุลย์ อตุโล ซึ่งปฏิบัติธุดงค์กรรมฐานอยู่ ให้มาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดแห่งนี้
.

หลวงปู่ดุลย์ ได้เริ่มพัฒนาวัดบูรพาราม ตั้งแต่ พ.ศ. 2477 โดยบูรณะโบสถ์ หลวงพ่อประชีว์ ซึ่งเป็นไม้ชำรุดทรุดโทรมมาก ต่อมา พ.ศ. 2508 หลวงปู่ดูลย์ ได้ให้รื้อแบบไม้ออก แล้วสร้างขึ้นด้วย
.
คอนกรีตเสริมเหล็ก ทรงแบบจตุรมุขอย่างถาวร จนถึงยุค พระรัตนากรวิสุทธิ์ มาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ท่านได้สร้างเพิ่มเติมให้ยอดตรงกลางสูงแบบทรงเจดีย์ มีช่อฟ้า ใบระกา ประดับด้วยกระจก และลวดลายทาด้วยทอง แต่ท่านได้มรณะภาพก่อนที่การบูรณะจะแล้วเสร็จ ต่อมาพระโพธินันทมุนี เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน ได้ดำเนินการบูรณะปฏิสังขรณ์ต่อจนแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2539 มีการจัดให้มีการเจริญพระพุทธมนต์สมโภชน์เป็นการภายใน ตลอด 7 เดือน 7 วัน คือ ตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2540 ถึง วันที่ 29 กันยายน 2540
.
.
หยุดไฟไหม้ครั้งใหญ่

.
ในปี พ.ศ. 2516 เกิดไฟไหม้ใหญ่ในเมืองสุรินทร์ ไฟเริ่มไหม้ตั้งแต่ ตี 4 จนรุ่งเช้าไฟลามออกไปทุกทิศทุกทาง ชาวบ้านต่างขนของมากองเต็มลานวัดด้วยความหวาดกลัว ตลอดทั้งวันก็ยังควบคุมเพลิงไม่ได้ไฟลามมาใกล้เขตวัดบูรพา พระเณรเห็นก็ตกใจ วิ่งขึ้นกุฏิหลวงปู่ดุลย์ ขออนุญาตขนของหนีไฟ แต่หลวงปู่กลับนั่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมทั้งบอกพระเณรว่าไม่จำเป็น เมื่อพระเณรลงมาแล้วยิ่งตกใจใหญ่เพราะไฟใกล้เข้ามา และไหม้วัดใกล้เคียงคนละข้างรั้วเกือบหมดแล้ว จึงพากันรีบวิ่งขึ้นกุฏิหลวงปู่อีก ท่านก็พูดเหมือนเดิมว่าไม่จำเป็น คำว่าไม่จำเป็นของท่าน คือไม่จำเป็นต้องขนของหนีไปไหน
สักครู่หนึ่ง หลวงปู่ดุลย์ ก็ลงมาจากกุฏิ เดินตามธรรมดา มองดูเปลวไฟแวบเดียว แล้วเห็นท่านเดินอ้อมวิหารหลวงพ่อพระชีว์ แบบเดินจงกรมสองสามรอบ แล้วก็กลับขึ้นกุฏิไปตามเดิม
ไม่นานลมก็เปลี่ยนทิศ กลับกระพือพัดไปทางทิศที่ไฟลามมา จึงเป็นเหตุให้ไฟสงบลง หยุดอยู่เพียงแค่นั้น บ้านข้างเคียงและวัดบูรพารามจึงปลอดภัยอย่างน่าอัศจรรย์ เสียงโจษขานของชาวบ้านชาวเมืองทั้งหลายว่า… เหตุปาฏิหาริย์นี้คงเป็นเพราะบารมี หลวงปู่ดุลย์ และอานุภาพแห่งความศักดิ์สิทธิ์ของ หลวงพ่อพระชีว์ นั่นเอง
.
.
.
.
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก…

.
Th.wikipedia.org
Pinterest.com
ตรีมูรติ.com/
muengthaiamulet.com
uauction4.uamulet.com/
travel.trueid.net/
thairath.co.th/ ไทยรัฐ
pra-kuang.blogspot.com/
FB : เหรียญเก่ายอดนิยม
FB : ราชาเซียน by ปิง นับแบงค์
FB : ศูนย์พระเครื่องโต้งสุรินทร์
FB : วัดป่าคลองกุ้ง จันทรบุรี
FB : หลวงพ่อพระชีว์ วัดบูรพาราม พระอารามหลวง เฉลิมพระเกียรติ สุรินทร์