
พระโคนสมอ : พระพิมพ์สมัยอยธุยา
.
พระโคนสมอ พระเครื่องที่มีพุทธลักษณะแบบพระปางประจำวันเกิด และพิมพ์อื่นๆ เช่น พิมพ์ปางมารวิชัย พิมพ์ซุ้มปราสาท พิมพ์ปางพญาชมภู เป็นต้น องค์พระสวยงาม ลายเส้นของพิมพ์สวย คม ชัด ลึก เป็นพระที่มีพุทธศิลป์ที่สวยงามตามแบบฉบับช่างหลวง เป็นพระสะเดาะเคราะห์ที่เจ้านาย และเชื้อพระวงศ์ชั้นสูง โดยในสมัยอยุธยา นิยมสร้างกันมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าปราสาททองจนถึงสมัยพระเจ้าอยู่หัวเอกทัศน์ ประมาณการณ์กันว่ามีการจัดสร้างกันมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนกลาง – รัตนโกสินทร์ตอนต้น

โดยที่พบมากมี 2 เนื้อ คือ
1.เนื้อดิน โดยพระเนื้อดินกรุเก่า เนื้อดินจะนุ่มกว่า รักทองที่ปรากฏจะติดแน่น และเรียบร้อย สามารถบอกได้ว่าเป็นพระที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาแน่นอน พระเนื้อดินกรุใหม่ สร้างตั้งแต่ก่อตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ เนื้อของดินค่อนข้างหยาบกว่าเล็กน้อย รักทองจะใหม่สดกว่า
2.เนื้อชิน โดยพระเนื้อชิน หากเป็นชินเงิน (แก่ดีบุก) เป็นพระผิวปรอท แต่ภายหลังเมื่อได้บรรจุกรุแล้ว องค์พระที่แตกกรุออกมาส่วนใหญ่ จะปรากฎสนิมกัดกินผิวผุกร่อน จนถึงเนื้อในหลุดร่อน เรียกสนิมชนิดนี้ว่า * “สนิมเกล็ดกระดี่” เพราะมีลักษณะการหลุดร่อนคล้ายเกล็ดปลากระดี่นั้นเอง คนในวงการพระรุ่นเก่า จะเอาน้ำมันจันทน์มาชโลมเลี้ยงไว้ไม่อย่างนั้นพระจะเกิดการเสียหายไปมากกว่านี้
.

.
“สนิมเกล็ดกระดี่” คือ เป็นคุณสมบัติของพระเนื้อชินเงิน แก่ดีบุก ที่ถึงจุดเดือดในอุณหภูมิที่ไม่สูงมาก แต่ก็เย็นตัวเร็ว ก่อนที่จะประสานเป็นเนื้อเดียวกัน เป็นที่มาของเนื้อพระที่เป็น “เกล็ด ๆ – เล็ก ๆ” ย้ำเป็นเกล็ดเล็กๆ คล้ายเกล็ดปลากระดี่ ส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ที่เป็นแอ่งเล็กๆ และที่สำคัญ ส่วนใหญ่อยู่บนผิวชิน เกล็ดกระดี่ มีทั้งสีเงิน และสีทอง
.
.

.
.
.
.
การค้นพบ
เดิมทีมีการค้นพบพระพิมพ์นี้ตามกรุต่างๆ เจดีย์ หรือเพดานพระอุโบสถ แต่ที่พบมากที่สุดก็ที่ กรุวังหน้า วัดบวรสถานสุทธาวาส, วัดโพธิ์ท่าเตียน, วัดพระแก้ว และที่วัดอื่นๆ เช่น ในปี พ.ศ.2506 ที่วัดเชิงท่า จ.นนทบุรี ปี พ.ศ.2510 ที่วัดสระเกศ และค้นพบพระโคนสมอขนาดเล็ก ในปี พ.ศ.2515 ที่วัดค้างคาว สรรคบุรี ชัยนาท และ วัดประยุรวงศาวาส แต่น่าจะเป็นพระโคนสมอที่สร้างขึ้นในยุครัตนโกสินทร์เพราะศิลปะไม่เหมือนกับสมัยอยุธยาเป็นต้น
.

.
.
*พระโคนสมอ กรุวัดค้างคาว (วัดธรรมิกาวาส สรรคบุรี ชัยนาท) ว่ากันว่าพระรุ่นนี้สร้างในสมัยหลวงพ่อเฒ่า (ปั้น) วัดค้างคาว ซึ่งถือว่าเป็นตักศิลาในลุ่มแม่น้ำน้อย หลวงพ่อเฒ่ามีวิชาอาคมขลังขนาดที่ว่าหลวงปู่ศุขยังเคยมาเรียนวิชาสร้างตะกรุดใต้น้ำจากสำนักนี้
.
.
.
ที่มาชื่อ…พระโคนสมอ

มีเรื่องเล่าว่า…ในช่วงสร้างกรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีการชะลอพระต่าง ๆ ทั้งองค์ใหญ่และเล็ก จากกรุงศรีอยุธยาโดยนำพระเหล่านั้นมาประดิษฐานที่วัดต่างๆ ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล บางส่วนนำมาบรรจุในเจดีย์ ในพระอุโบสถตามวัดต่างๆ ที่ทรงสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 และพระชุดนี้ได้ถูกนำมาบรรจุไว้ที่ พระราชวังหน้า (พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติกรุงเทพฯในปัจจุบัน) โดยเก็บรักษาไว้บนเพดานพระอุโบสถ วัดบวรสถานสุทธาวาส ซึ่งในอดีตเป็นวัดในกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท พระราชวังหน้าในสมัยรัชกาลที่ 1 เป็นผู้สร้าง
ต่อมามีการบูรณะเพดานวังหน้า จึงค้นพบพระชุดดังกล่าวเป็นจำนวนมาก มากเสียจนไม่มีที่เก็บ จึงนำมากองไว้ใต้โคนต้นสมอพิเภก เมื่อมีผู้เดินผ่านไปมาเห็นพระกองอยู่ จึงได้เก็บกลับบ้าน ด้วยเป็นพระที่มีพุทธลักษณะสวยงาม และเป็นพระกรุเก่าแก่ เมื่อพระแพร่หลายออกไปผู้คนมักจะเรียกขานพระชุดนี้จากจุดที่เก็บองค์พระว่า “พระโคนสมอ” มาตั้งแต่บัดนั้น
.
.
.
สุดยอดพระมหาอุดคงกระพัน

เชื่อกันว่าในสมัยโบราณนั้น ขุนทหารหาญนักรบไทยจะนำเชือกถักรอยพระโคนสมอคล้องคอให้ช้างศึก-ม้าศึกยามออกรบทัพจับศึก เพื่อความเป็นสิริมงคล เป็นมหาอุดคงกระพัน และแคล้วคลาดจากคมหอกคมดาบของข้าศึกศัตรู
จากจดหมายของหลวงรักษาราชทรัพย์ ทำให้ทราบว่า ครั้งหนึ่ง “เสด็จเตี่ย” กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงได้รับพระเครื่ององค์หนึ่งจากพระองค์เจ้าวิบูลย์พรรณ เป็นพระพิมพ์โคนสมอ ได้ทรงทดลองผูกแขวนไว้ที่ต้นยางหน้าประตูกองทัพเรือเก่า และโปรดให้ น.อ.พระยานาวาพลพยุหรักษ์ ใช้ปืนร.ศ.ยิงถึง 3 ครั้ง แต่กระสุนไม่ออก แต่เมื่อหันปากกระบอกปืนยิงขึ้นฟ้า สามารถยิงออกได้
เหตุการณ์ครั้งนั้นเชื่อกันว่าเป็นจุดเริ่มที่ทำให้พระองค์ทรงสนพระทัยในเรื่องไสยศาสตร์และพุทธศาสนา และได้ทรงหาทางศึกษาอย่างจริงจัง
พระโคนสมอ เป็นพระเครื่องที่ทรงคุณค่าและมากไปด้วยพุทธคุณโดดเด่นด้าน คงกระพันชาตรี และนิรันตรายเป็นเยี่ยม
.
.
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก…
.
Google
Th.wikipedia.org
Pinterest.com
lnwshop.com/
FB : ศักดิ์สิทธิ์
khaosod.co.th/
library.stou.ac.th/
phrathai.99wat.com/
pra-chai.blogspot.com/
prakumkrong.99wat.com/
prathaprachan-mag.com / นิตยสารพระท่าพระจันทร์
FB : พระเครื่อง และ วัตถุมงคล หลวงปู่ดู่ วัดสะแก
FB : สมาคมนักสะสมพระกรุ พระเก่าและผู้ค้าวัตถุโบราณแห่งประเทศไทย