
.
กำเนิดพระสมเด็จวัดระฆังฯ

.
.
คำศัพท์ที่ให้จำแนกพระเนื้อดิน ตำรับ “ตรียัมปวาย”
“ปริแยก แตกย่น หนอนด้น ปูไต่ ตะไคร่น้ำ รูพรุน ปลายเข็ม บ่อน้ำตาตื้น ผิวคลื่น วงกระเพื่อมของวงน้ำ”
*ตรียัมปวาย – ท่านเป็นผู้วางรากฐานของ
.
.
อ.ตรียัมปวาย ท่านได้ศึกษาพระสมเด็จอย่างชนิดลงลึกในรายละเอียด ได้เจาะลึกลงไปถึงขั้นตอนการสร้าง จำแนกความแตกต่างของทรงพิมพ์ ตำหนิ และร่องรอยขององค์พระที่เกิดขึ้นหลังผ่านกาลเวลา จนเกิดจุดสังเกตจากธรรมชาติของการแปรสภาพของดินและมวลสาร ท่านศึกษาถึงที่มาในการจัดสร้าง กรุที่ค้นพบ และเกิดคำถามในการศึกษามากมาย เช่น
พระสมเด็จ วัดระฆังฯ ทุกทรงพิมพ์นั้นเกิดขึ้นมาได้ด้วยเหตุปัจจัยใด? ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต มีดำริอย่างไรในการสร้าง? และมีพิมพ์อะไรบ้าง? จากการวิเคราะห์ของ อ.ตรียัมปวาย ใน “ศาสตร์แห่งพระสมเด็จ” ท่านได้ข้อสรุปไว้น่าสนใจดังนี้

.
มูลเหตุในการสร้างพระสมเด็จฯ
.
จากหนังสือปริอรรถาธิบายแห่งพระเครื่อง เล่มที่ 1 ของตรียัมปวาย พิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2495
โดย อ.ตรียัมปวายนั้น ได้อ้างถึงบันทึกของนายกนก สัชชุกร อดีตผู้ช่วยข้าหลวงตรวจการกระทรวงการคลัง ที่ได้จากการสัมภาษณ์พระธรรมถาวร (ช่วง จันทโชติ) ศิษย์ใกล้ชิดสมเด็จโต เมื่อปี พ.ศ. 2470 (ขณะสัมภาษณ์ท่านเจ้าคุณพระธรรมถาวรอายุได้ 83 ปี) โดยกล่าวไว้ว่า “การที่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ จะได้ดำริสร้างพระสมเด็จฯ ของท่านขึ้นนั้น เพราะเหตุว่า… คราวหนึ่งท่านได้จารึกไปที่เมืองพระตะบอง และมีเจ้าเขมรองค์หนึ่ง ซึ่งสนิทชิดชอบ และเคารพเลื่อมใสในตัวท่าน ได้ปรารภขอให้ท่านสร้างพระเครื่องฯ ของท่านขึ้นไว้ เพื่อจะได้เอาไว้เคารพสักการบูชาป้องกันอันตรายต่างๆ และทั้งเป็นเครื่องระลึกถึงท่านด้วย ดังนั้น ภายหลังที่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ กลับจากพระตะบอง ท่านจึงได้สร้างพระสมเด็จ ขึ้นเป็นครั้งแรก”
(“ศาสตร์แห่งพระสมเด็จ” ขออนุญาตตีความว่า คำว่าพระสมเด็จฯ ในคำสัมภาษณ์อันหลังนี้ ไม่น่าจะหมายถึงพระสมเด็จฯ แบบกรอบสี่เหลี่ยมของท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต แต่น่าจะเป็นพระพิมพ์ที่ไม่มีรูปแบบตายตัว)

*(มีการบันทึกไว้ว่า พระพิมพ์บางแบบ เช่นพิมพ์หลวงพ่อโตนั้น ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้เคยสร้างไว้สมัยที่ท่านได้จาริกไปอยู่เมืองกรุงเก่า (อยุธยา) และภายหลังท่านก็ได้มาสร้างพระพิมพ์นี้อีกครั้งที่วัดระฆังฯ สมัยดำรงสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่พระธรรมกิติ (ช่วงปี พ.ศ. 2395 – 2397))
.
พิมพ์ทรงพระสมเด็จฯ
.
ตำราของ อ.ตรียัมปวาย กล่าวถึงเรื่องชนิดและจำนวนของพระสมเด็จฯ ที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโตสร้างเมื่อคราวสร้างครั้งใหญ่ทั้งสองครั้งด้วย โดยมีรายละเอียดแตกต่างไปจากตำราของพระมหาเฮงฯ บ้าง โดยอ้างถึงคำกล่าวของพระอาจารย์ขวัญ “วิสิฏโฏ” วัดระฆังฯ ศิษย์พระธรรมถาวร (ช่วง จันทโชติ) ที่กล่าวว่าได้ทราบจากอาจารย์ของท่านว่า…“ในการสร้างพระสมเด็จฯ นั้น สร้างได้ครบ 84,000 องค์ แต่การสร้างครั้งหลังได้ไม่ถึง และเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้ปรารภกับนายเทดว่า ฉันเห็นจะสร้างพระได้ไม่ครบ 84,000 องค์เสียแล้ว จึงให้รวบรวมพระสมเด็จรุ่นแรกๆ คัดเอาเฉพาะพิมพ์ทรง 5 ชั้น 6 ชั้น และ 7 ชั้น เข้ากับพระสมเด็จฯ ที่สร้างรุ่นใหม่จนครบ 84,000 องค์ บรรจุไว้ในกรุวัดไชโย อ่างทอง เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้โยมมารดา … สำหรับแบบพิมพ์ 7 ชั้น รุ่นเดิมของวัดระฆังฯ ที่นำไปบรรจุพร้อมกับพระรุ่นใหม่นั้น องค์พระมีหูประบ่าอย่างธรรมดา ส่วนแบบพิมพ์ 7 ชั้นที่สร้างครั้งหลัง ซึ่งท่านตั้งใจว่าจะนำไปบรรจุโดยเฉพาะนั้น หูกางสูงขึ้นไป ซึ่งเรียกว่า หูบายศรี”

.
พระสมเด็จแบบกรอบสี่เหลี่ยมนั้น ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต ได้สร้างพระพิมพ์ทรงอะไรไว้บ้าง?
ในการสร้างพระสมเด็จฯ ครั้งใหญ่ 2 ครั้ง (อาจถือว่าการสร้างพระสมเด็จวัดบางขุนพรหมนั้นเป็นการสร้างครั้งใหญ่ครั้งที่ 3) พอจะสรุปได้ว่า… พระสมเด็จรุ่นแรกๆ (น่าจะสร้างประมาณปี พ.ศ. 2407 หรือก่อนหน้านั้นไม่นาน) ประกอบด้วยแบบพิมพ์ทรง 5 ชั้น 6 ชั้น และ 7 ชั้น (เป็นอย่างน้อย)
และน่าจะมีพิมพ์ทรงแบบพระคะแนนอีกจำนวนหนึ่งอีกด้วย ส่วนในการสร้างใหญ่ครั้งที่ 2 นั้น ท่านเจ้าประคุณฯ น่าจะเน้นในการสร้างพระสมเด็จฯ แบบ 7 ชั้นเป็นหลัก เพื่อเอาไปบรรจุที่วัดไชโย เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้โยมมารดาท่าน อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาท้ายๆ ของการสร้างพระสมเด็จฯ นั้น
ตำราที่น่าเชื่อถือบอกว่าได้มีช่างทองหลวงเข้าช่วย ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต สร้างพระสมเด็จฯ ที่ อ.ตรียัมปวาย เรียกว่าเป็น พิมพ์ทรงมาตรฐาน ด้วย ด้วยเหตุนี้พระสมเด็จของท่านเจ้าประคุณที่ตั้งใจจะนำไปบรรจุรวมถึงแจกจ่ายที่วัดไชโยนั้น จึงน่าจะรวมเอาพิมพ์ทรงมาตรฐานบางส่วนรวมไปด้วย ดังที่มีหลักฐานปรากฏให้เห็นอยู่

.
อ.ตรียัมปวาย ได้กำหนดพระสมเด็จฯ พิมพ์ทรงมาตรฐานไว้เป็นจำนวน 9 พิมพ์ทรง สอดคล้องกับข้อมูลของพระอาจารย์ขวัญ “วิสิฏโฏ” ในหนังสือปริอรรถาธบายแห่งพระเครื่อง เล่มที่ 1 โดยได้แยกแยะไว้ด้วยว่า พิมพ์ใดเป็นของวัดระฆังฯ หรือวัดบางขุนพรหม และต่อมายังได้ตีพิมพ์ภาพพระสมเด็จวัดเกศไชโย แบบ 5 ชั้น 6 ชั้น และ 7 ชั้น ลงในหนังสือพระเครื่องประยุกต์ ของ อ.ตรียัมปวายเอง พิมพ์เมื่อปี พ.ศ. 2507 อีกด้วย ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของนายกนก สัชชุกร ที่บอกว่าพระสมเด็จฯ ของท่านเจ้าประคุณฯ มีแบบ 5 ชั้น 6 ชั้น แบบ 7 ชั้น ด้วยเช่นกัน อาจารย์ประกิต หลิมสกุล หรือ พลายชุมพล แห่งหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ กรุณาให้ข้อมูลว่า พระสมเด็จฯ แบบ 5 ชั้นในหนังสือเล่มดังกล่าวมีความคล้ายกับพระสมเด็จฯ แบบ 5 ชั้นของวัดอินทรวิหาร
.
ตำราของ อ.ตรียัมปวาย ยังได้พูดถึงบันทึกของพระอาจารย์ขวัญ “วิสิฏโฏ” ที่กล่าวว่า “จากการที่ได้ทราบและได้เห็นจากพระธรรมถาวร พระสมเด็จฯ มีอยู่มากมายหลายแบบพิมพ์ ถ้าจะกล่าวเฉพาะชนิดพิมพ์สี่เหลี่ยมก็มากพิมพ์ เช่น พิมพ์ทรงพระประธาน พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์ทรงฐานแซม พิมพ์ทรงเกศบัวตูม พิมพ์ทรงปรกโพธิ์ พิมพ์ทรงเศียรบาตรอกครุฑ (พิมพ์ทรงไกเซอร์) พิมพ์ทรงสังฆาฏิ พิมพ์ทรงเส้นด้าย และพิมพ์ทรงฐานคู่
.
.
ดัดแปลงจากบทความของ พ.ต.ต. คมสัน สนองพงษ์ (อดีตตำรวจพิสูจน์หลักฐาน)
เพจเฟสบุ๊ค – พระสมเด็จศาสตร์
**ผู้วิจัยขอขอบคุณท่านอาจารย์รังสรรค์ ต่อสุวรรณ ที่ท่านกรุณาให้ข้อมูลในการทำวิจัยตลอดจนรูปถ่ายจากหนังสือ Precious Special ของท่านประกอบการวิจัยในตอนนี้ครับ
รูปประกอบการบรรยายทุกรูป เป็นรูปพระสมเด็จวัดระฆังฯพิมพ์ใหญ่ ทุกองค์มีอัตลักษณ์เชิงช่างศิลป์ หรือลายเซ็นเดียวกัน

.
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก…
.
Th.wikipedia.org
thairath.co.th/
ศึกษาพระสมเด็จ ยุค4G ต้องมองเห็นด้วยตา
พระสมเด็จศาสตร์ Phrasomdejsart Research Center