
.
หลวงพ่อสัมฤทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์
หลวงพ่อสัมฤทธิ์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดกะทัดรัด สร้างขึ้นด้วยสัมฤทธิ์ ส่องประกายงดงาม พระพักตร์มีความสงบนิ่ง แฝงไปด้วยความเมตตา เปี่ยมด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์
ชื่อ “สัมฤทธิ์” มีความหมายมงคลที่สื่อถึง ความสำเร็จ สมหวัง จึงมีผู้ศรัทธานิยมมาขอพรเรื่องการงาน การค้า และความมั่งคั่ง นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่า หลวงพ่อสัมฤทธิ์ ช่วยปกป้องคุ้มครองจากภัยอันตรายอีกด้วย
.
.
.
.
.
ประวัติ หลวงพ่อสัมฤทธิ์

.
ตำนานเล่าว่า… ในสมัยกรุงธนบุรี มีชาวบ้านสองคน จากบ้านนาโคก จ.สมุทรสาคร มีอาชีพทำนาเกลือ ได้ล่องเรือไปค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าถึงทางเหนือ ขาล่องเรือกลับได้แวะพักเรือหุงหาอาหารที่พระนครศรีอยุธยา ระหว่างออกหาฟืนหุงหาอาหารได้เดินลึกเข้าไปพบวัดร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งมีพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ขนาดประมาณเท่าคนจริง 2 องค์
องค์หนึ่งเป็น พระพุทธรูปประทับนั่ง ปางมารวิชัย อีกองค์เป็น พระพุทธรูปประทับยืน ปางห้ามสมุทร ทรงเทริดศิลปะอยุธยา
เมื่อได้เข้าไปกราบพระพุทธรูปทั้งสององค์แล้ว ชายทั้งสองก็ออกหาฟืนกันต่อ แต่กลับเกิดเหตุประหลาด เพราะชายทั้งสองคนกลับเดินวกวนอยู่ในบริเวณนั้น ไม่สามารถกลับไปที่เรือได้ ทั้งสองจึงสังหรณ์ใจกันว่าที่เป็นเช่นนี้ อาจเป็นเพราะพระพุทธรูปทั้งสององค์ดลบันดาลก็เป็นได้ พวกเขาจึงเดินไปกราบพระทั้งสององค์ และกราบอาราธนา และอัญเชิญพระทั้งสององค์ไปอยู่ที่บ้านนาโคก องค์พระมีขนาดไม่ใหญ่นักพอที่ชายทั้งสองสามารถอุ้มท่านมาขึ้นเรือได้
จากนั้นได้นำพระพุทธรูปทั้งสององค์มาประดิษฐานที่ วัดนาโคก โดยท่านเจ้าอาวาสในสมัยนั้นได้นำพระพุทธรูปทั้งสององค์ ประดิษฐานที่หอไตร และลืมเลือนไปจนเวลาผ่านไปหลายปี
วันหนึ่งชาวบ้านนาโคกได้มีการแก้บนศาลเจ้าแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ กับวัดนาโคก และมีการจัดมหรสพ ทั้งลิเก ละคร ซึ่งงานนั้นจัดใหญ่กว่าทุกครั้ง ทำให้สถานที่ไม่เพียงพอ ทางเจ้าภาพจึงได้ไปขออนุญาตเข้าไปจัดงานในบริเวณวัดนาโคก

ครั้นเมื่อถึงเวลาแสดงลิเก และละคร ก็ได้เกิดปาฏิหาริย์ นั่นคือ พระพุทธรูปปางห้ามสมุทร ซึ่งประดิษฐานอยู่บนหอไตร อยู่ ๆ กลับมาตั้งอยู่ข้างล่าง ไถ่ถามกันทั่วแล้วก็ไม่มีใครรู้ หรือเห็นว่าใครนำท่านลงมา เสมือนท่านได้เสด็จลงมาอยู่ข้างล่างเองเป็นที่อัศจรรย์ ทำให้คนทั้งงานต่างตกตะลึง ทั้งคณะลิเกและคณะละครก็ไม่สามารถแสดงได้ เพราะทุกคนต่างก็เกิดอาการจุกเสียดขึ้นมาพร้อมกัน
เมื่อผู้เฒ่าผู้แก่ได้เห็นเหตุการณ์ ต่างก็คิดได้ว่าพระพุทธรูปที่เสด็จลงมา คงเป็นเพราะปาฏิหาริย์ของท่าน จึงพากันนำธูปเทียนดอกไม้มาบูชา บอกกล่าวขอขมาลาโทษ ที่มาจัดงานอึกทึกโดยมิได้บอกกล่าว จากนั้นคณะลิเกและละครต่างก็หายจุกเสียดเป็นที่อัศจรรย์ หลังจากวันนั้นข่าวนี้ก็ลือออกไปทั่ว ชาวบ้านนาโคกและใกล้เคียงต่างพากันมากราบไหว้บูชาพระพุทธรูปองค์นี้ บ้างมาขอพร บ้างมาบนบานศาลกล่าว และต่างก็สมประสงค์ทุกรายไป จนเป็นที่โจษขานกันต่อมาในความศักดิ์สิทธิ์ และชาวบ้านก็ขนานนามท่านว่า “หลวงพ่อสัมฤทธิ์”
.
.

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก…
.
Th.wikipedia.org
Pinterest.com
khaosod.co.th/
sangha14.org/
web.codi.or.th/
travel.trueid.net/
prabanprabucha.com/
FB ราชาเซียน by ปิง นับแบงค์
prathaprachan-mag.com/ นิตยสารพระท่าพระจันทร์
thaprachan.com / ท่าพระจันทร์ดอทคอม