ตำนานพระพุทธรูป 3 พี่น้องข้ามโขง

แชร์บทความ

พระเสริม-พระสุก-พระใส พระข้ามโขง

.

ย้อนกลับไปในระหว่าง ปี พ.ศ.2091 – 2144 สมัยพระเจ้าไชษฐาธิราช มหาราช แห่งลาว พระองค์ได้ทรงสร้าง พระองค์ตื้อ พระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดใหญ่ สูง 6 เมตร หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ศิลปะล้านช้างที่งดงามเป็นเอกลักษณ์ ประดิษฐาน ณ วัดองตื้อ เมืองเวียงจันทร์ สปป.ลาว

ในครั้งนั้น พระราชธิดา 3 องค์ของกษัตริย์ล้านช้างจึงได้ร่วมศรัทธาตามพระชนก ด้วยการสร้างพระพุทธรูปประจำองค์ขึ้น คือ พระเสริม พระพุทธรูปประจำพระราชธิดาองค์ใหญ่, พระสุก เป็นพระพุทธรูปประจำพระราชธิดาองค์กลาง, และพระใส เป็นพระพุทธรูปประจำพระราชธิดาองค์เล็ก

ในสมัยรัชกาลที่ 3 เมืองเวียงจันทร์เกิดกบฏเจ้าอนุวงศ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงให้ส่ง พระบวรราชเจ้ามหาศักดิ์พลเสพย์ ยกทัพไปปราบกบฏได้รับชัยชนะ ท่านจึงได้อัญเชิญพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ มาจากภูเขาควาย นำขึ้นแพไม้ไผ่ล่องมาตามลำน้ำงึมออกแม่น้ำโขงข้ามสู่สยาม

เมื่อแพมาออกปากน้ำงึม เข้าสู่แม่น้ำโขง พลันก็เกิดฝนฟ้าคะนอง ลมพายุพัดแรง แพที่อัญเชิญพระสุกได้แยกออก พระสุกจมหายไป ชาวลาวเรียกเหตุการณ์นั้นว่า “แหกแพ” และบริเวณเวิ้งน้ำนั้นเรียกว่า “เวินสุก”

พระอีกสององค์เมื่อข้ามโขงมาแล้ว พระใส ขึ้นที่วัดหอก่อง (ริมฝั่ง) พระเสริม นั้นขึ้นที่ วัดโพธิ์ชัย ในตัวเมืองหนองคาย ซึ่งสองวัดนี้อยู่ห่างกันประมาณ 700 เมตร

.

.

.

พระใส วัดโพธิ์ชัย หนองคาย

ครั้งถึงสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้ ขุนวรธานี และ เจ้าเหม็น (ข้าหลวง) อัญเชิญพระเสริม และ พระใส ลงไปยังกรุงเทพฯ โดยได้อัญเชิญ พระใส จากวัดหอก่องขึ้นเกวียนเดินทางมาสมทบกับเกวียนอัญเชิญ พระเสริม ที่วัดโพธิ์ชัย

แต่เมื่อ พระใส มาถึงวัดโพธิ์ชัย ท่านได้แสดงปาฏิหาริย์ให้เกวียนของท่านก็ไม่ยอมเคลื่อน แม้จะเปลี่ยนเกวียนเล่มใหม่จะเข็นจะลากอย่างไรเกวียนก็ไม่ขยับคงนิ่งอยู่อย่างนั้น เจ้าพนักงานช่วยกันชักลากจนเกวียนหัก

พราหมณ์ผู้อัญเชิญเห็นเช่นนั้นจึงได้ตกลงกันว่า ให้อัญเชิญ พระใส ประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัย ส่วน พระเสริม ได้อัญเชิญลงไปยังกรุงเทพฯ

.

.

ชาวบ้านจึงพากันเรียก หลวงพ่อพระใส อีกชื่อหนึ่งว่า “หลวงพ่อเกวียนหัก”

.

.

.

พระเสริม วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ

รัชกาลที่ 4 ทรงจะให้ประดิษฐาน พระเสริม เป็นพระประธานวัดบวรสุทธาวาส แต่เมื่อทอดพระเนตรเห็นพระพุทธลักษณะแล้ว จึงทรงโปรดให้ประดิษฐานไว้บนพระแท่นเศวตฉัตรในท้องพระโรง เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้เชิญพระเสริมไปตั้งเป็นพระประธานในวิหาร วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ จนปัจจุบัน

.

.

.

.

ตำนาน พระสุก

มีเรื่องเล่าว่า ราวปี พ.ศ.๒๔๖๗ พระยาอุดรธานีศรีโขมสาครเขต ปลัดมณฑลอุดร ทราบเรื่องพระสุกยังจมอยู่ในแม่น้ำโขง ท่านจึงได้คัดเลือกนักโทษประหาร ๘ คนที่ดำน้ำเก่ง ส่งไปงมหา พระสุก โดยสัญญาว่าถ้างมมาได้ จะเว้นโทษประหาร นักโทษประหารทั้ง 8 สามารถงม พระสุก ขึ้นมาได้ พระยาอุดรฯ จึงให้ปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ด้วยเกรงว่าพระจะถูกส่งไปยังกรุงเทพฯ

พระยาอุดรฯ ได้อัญเชิญ พระสุกก ถวายให้วัดศรีธรรมาราม ให้ชื่อพระพุทธรูปองค์นี้ว่า “พระคัมภีรพุทธเจ้า” เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้บิดา พระอาจารย์มี คำภีโร ต่อมาจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น “พระพุทธมงคลรุ่งโรจน์” เพื่อไม่ให้คนทั่วไปทราบว่าเป็น พระสุก และขึ้นทะเบียนเป็นโบราณวัตถุของชาติเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๘

.

.

.

.


ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก…

Google

Th.wikipedia.org

Pinterest.com

Mgronline.com

dhammajak.net

traditional-objects.sac.or.th

FB แม่น้ำโขง: อิสระแห่งสายน้ำ

FB อาณาจักรล้านช้าง

FB ข่าวอุดร ข่าวโฮมเคเบิ้ล

FB วัตถุมงคล หลวงพ่อพระเสริม วัดปทุมวนาราม

FB วัดโพธิ์ชัย พระอารามหลวง จังหวัดหนองคาย

ติดต่อลงประกาศข้อมูลพระเครื่อง

บทความเพิ่มเติม

ปาฏิหาริย์ หลวงปู่โต๊ะ

หลวงปู่โต๊ะ ที่ทุกชั้นชนศรัทธา เมื่อครั้งที่ หลวงปู่โต๊ะ ท่านยังมีชีวิตอยู่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ห

หลวงปู่ทวด เนรมิตอัศจรรย์

หลวงปู่ทวด โพธิสัตว์เปี่ยมเมตตา  รูปปั้นหลวงปู่ทวด ที่ประดิษฐานที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธนั้น มีเรื่