
พระพุทธสิหิงค์ : องอาจดั่งพญาราชสีห์
ประวัติ พระพุทธสิหิงค์ ในเรื่องราว “สิหิงคะนิทาน” รจนาโดย พระมหาเถรโพธิรังสี ชาวล้านนา ราวพุทธศตวรรษที่ 19-20 เล่าถึงหลังจากพุทธศาสนาล่วงผ่านไป 700 ปี พระราชาแห่งราชอาณาจักรสิงหล ๓ พระองค์ และพระอรหันต์ทั้งหลาย (บางตำนานกล่าว่าเป็น พระเจ้าสีหฬะ) ได้หล่อพระพุทธรูปจากสำริด พระพุทธรูปองค์นี้มีทรวงทรงดั่งพญาราชสีห์ จึงมีพระนามว่า พระพุทธสิหิงค์ เมื่อพระราชาทั้ง 3 องค์ ได้สมโภชเสร็จสรรพ จึงอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์ ประดิษฐานในห้องเดียวกับพระทาฐธาตุแห่งสิงหลเป็นเวลาช้านาน
พระพุทธสิหิงค์ พระพุทธรูปโบราณศิลปะแบบลังกา หล่อสำริดหุ้มทอง ปางสมาธิ การสร้างพระพุทธสิหิงค์นั้นประกอบขึ้นด้วยแรงอธิษฐาน 3 ประการคือ 1.คำอธิษฐานของพระอรหันต์ผู้ร่วมพิธี 2.แรงอธิษฐานของพระเจ้ากรุงลังกาผู้สร้าง และ 3.อานุภาพแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
มีคำพยากรณ์ไว้ว่า “หากพระพุทธสิหิงค์เสด็จประทับอยู่ ณ ที่ใด พระพุทธศาสนา ย่อมรุ่งเรืองดั่งดวงประทีป เสมือนหนึ่งพระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่” พระพุทธสิหิงค์ เข้าสู่เมืองไทยในสมัย พ่อขุนรามคำแหง มหาราช ปัจจุบันมี พระพุทธสิหิงค์ อยู่ 3 องค์ คือ
1.พระพุทธสิหิงค์ ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรค์ กรุงเทพฯ
2.พระพุทธสิหิงค์ ประดิษฐาน ณ วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่
3.พระพุทธสิหิงค์ ประดิษฐาน ณ หอพระสิหิงค์ จ.นครศรีธรรมราช

.
.
.
ตำนานกล่าวว่า
.
ผ่านมาหลายร้อยปี พระร่วง (พ่อขุนรามคำแหง) แห่งอาณาจักรสุโขทัย ขยายอาณาเขตลงไปถึงแดนใต้ พระร่วงจึงกล่าวกับพระเจ้านครศิริธรรมราช หรือ พระเจ้าศรีธรรมโศกราช ให้ไปเชิญ พระพุทธสิหิงค์ จาก พระเจ้าสิงหล มาสู่กรุงสุโขทัย

พระเจ้านครศิริธรรมราช ได้อัญเชิญ พระพุทธสิหิงค์ มาสู่เมืองนครศรีธรรมราช ก่อนจะเดินทางไปสู่กรุงสุโขทัย จากรัชกาลสมัยพระร่วง ครั้นถึงรัชกาลสมัยพระเจ้าฤๅไทย เมื่อสมเด็จพระรามาธิบดี ที่ 1 ได้ยึดกรุงสุโขทัยเป็นเมืองขึ้น จึงอัญเชิญองค์พระไปสู่กรุงอโยธยา ต่อมา พระพุทธสิหิงค์ จะถูกอาราธนาไปยังเมืองกำแพงเพชร, เมืองเชียงราย และเมื่อพระเจ้าแสนเมืองมา เจ้านครเชียงใหม่ ยกทัพไปตีเมืองเชียงรายได้ จึงได้อัญเชิญ พระพุทธสิหิงค์ มาประดิษฐานที่เชียงใหม่พร้อมกับพระแก้วมรกต
พ.ศ. 2205 สมเด็จพระนารายณ์ มหาราช ยกทัพมาตีเมืองเชียงใหม่ ได้อัญเชิญ พระพุทธสิหิงค์ มาประดิษฐาน ณ วัดพระศรีสรรเพชญ์ กรุงศรีอยุธยา เป็นเวลานานถึง 105 ปี ครั้นถึง พ.ศ. 2310 กรุงศรีอยุธยาเสียกรุงครั้งที่ 2 แก่พม่า ชาวเชียงใหม่จึงได้อัญเชิญ พระพุทธสิหิงค์ กลับไปที่เชียงใหม่
.
.

.
ตำนานพระพุทธสิหิงค์ – กรุงเทพฯ
.
พระพุทธสิหิงค์ ที่ประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรค์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร เป็นพระพุทธรูปนั่งขัดสมาธิราบ ศิลปะสุโขทัยที่มีอิทธิพลศิลปะลังกา ขนาดหน้าตักกว้าง 1 ศอกเศษ สูง 79 เซนติเมตร
เมื่อถึงปี พ.ศ. 2338-2345 รัชกาลที่ 1 ทรงโปรดให้ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท ยกทัพไปช่วยทางเชียงใหม่สู้ศึกพม่า ทรงตั้งมณฑลพายัพ กลับมาเป็นของไทย และทรงโปรดให้อัญเชิญ พระพุทธสิหิงค์ ลงมายังกรุงเทพมหานคร โดยประดิษฐาน ณ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พระราชวังบวรสถานมงคล (ปัจจุบัน : พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร)
.
.
.
ตำนานพระพุทธสิหิงค์ – เชียงใหม่
.

พระพุทธสิหิงค์ ที่ชาวเชียงใหม่เรียกขานว่า “พระสิงห์” ประดิษฐาน ณ วิหารลายคำ วัดพระสิงห์ เชียงใหม่ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย นั่งขัดสมาธิเพชร ศิลปะล้านนา ขนาดหน้าตักกว้าง 2 ศอก
ในปี พ.ศ.1943 พระเจ้าแสนเมืองมา เจ้านครเชียงใหม่ ยกทัพไปตีเมืองเชียงรายได้ จึงได้อัญเชิญ พระพุทธสิหิงค์ มาประดิษฐานที่เชียงใหม่พร้อมกับพระแก้วมรกต
พ.ศ. 2205 สมเด็จพระนารายณ์ มหาราช ตีเมืองเชียงใหม่ และได้อัญเชิญ พระพุทธสิหิงค์ มาประดิษฐานที่วัดพระศรีสรรเพชญ์ กรุงศรีอยุธยา เป็นเวลานานถึง 105 ปี เมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 แก่พม่าใน พ.ศ. 2310 ชาวเชียงใหม่ได้อัญเชิญ พระพุทธสิหิงค์ กลับไปที่เชียงใหม่
.
.
.

ตำนานพระพุทธสิหิงค์ – นครศรีธรรมราช
.
พระพุทธสิหิงค์ ที่ประดิษฐาน ณ หอพระพุทธสิหิงค์ นครศรีธรรมราช เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย นั่งขัดสมาธิเพชร (แบบขนมต้ม) ศิลปะช่างนครศรีธรรมราช ขนาดหน้าตักกว้าง 14 นิ้ว สูง 41.5 เซนติเมตร
หอพระพุทธสิหิงค์ หอพระประจำวังของเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช ตั้งอยู่ที่พระราชวังเดิมของเจ้าพระยานคร (น้อย) ตำนานของพระพุทธสิหิงค์ ตามความเชื่อของชาวนครศรีธรรมราชว่า พระพุทธสิหิงค์เป็นองค์แท้ หลังจากที่รับมาจากประเทศลังกา องค์พระยังคงอยู่คู่กับเมืองนครศรีธรรมราชโดยตลอดมา แต่ก็ได้ถูกอพยพโยกย้ายอยู่หลายครั้ง ด้วยเหตุผลทางความมั่นคง
.
.
.
ภาคพิสดาร : พระพุทธสิหิงค์ วัดอินทคีรี (นครศรีธรรมราช)

พระพุทธสิหิงค์ อีกองค์ที่ประดิษฐาน ณ วัดอินทคีรี ต.บ้านเกาะ อ.พรหมคีรี นครศรีธรรมราช องค์พระปางมารวิชัย พุทธลักษณะศิลปะลังกาเด่นชัดยิ่งกว่าพระพุทธสิหิงค์องค์ใดในสยาม
มีนิทานท้องถิ่งเล่าถึงเรื่องราวของ พระโรจราช ทรงเสด็จมาเมืองสิริธัมนคร ได้ขอพระพุทธสิหิงค์ไปยังสุโขทัย พระเจ้าสิริธัม รู้สึกเสียดายพระคู่บ้านคู่เมือง แต่ก็ไม่อยากผิดใจกับทางสุโขทัย จึงแจ้งไปยังไม่สามารถให้ได้ในเวลานี้ จะขอทำองค์จำลองไว้ก่อน แล้วจะส่งองค์พระไปให้ในภายหลัง
จากนั้นชาวเมืองก็เกรงว่าทางสุโขทัยจะยกทัพมาทวงพระ จึงนำท่านไปซ่อนตามที่ต่างๆ บ้างว่า โยนไปในสระ บ่อน้ำ เก็บไว้ในถ้ำ จนเวลาผ่านไป 700 กว่าปี พระพุทธสิหิงค์องค์จริงจึงได้มาสถิตที่วัดบ้านนาจวบจนวันนี้
*เรื่องนี้ไปพ้องกันกับความเชื่อของชาวล้านนาที่ว่า พระพุทธสิหิงค์ที่วัดพระสิงห์ ในช่วงที่สยามจะมาเอาไป ได้มีการนำองค์พระไปซุกซ่อนไว้ในอุโมงค์ ในเจดีย์ หรือขุดดินฝังไว้ แล้วนำองค์จำลองส่งมอบให้ไปแทน
.
.
.
บทสรุป
พระพุทธสิหิงค์ อาจจะมีหลายองค์และประดิษฐานอยู่ในหลายสถานที่ มีเรื่องเล่ามีตำนานของแต่ละถิ่น แต่ความเชื่อความนับถือศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์อิทธิปาฏิหาริย์ขององค์พระพุทธสิหิงค์ นั้นยิ่งใหญ่ขจรขจายออกไปไม่มีสิ้นสุดทั่วทุกสารทิศ หลายๆ วัดในแผ่นดินไทยต่างมีรูปจำลอง พระพุทธสิหิงค์ เป็นมิ่งขวัญเป็นศูนย์รวมพุทธศรัทธา จากหลายองค์ร้อยรวมเป็นหนึ่งเดียว จากเหนือสุดถึงใต้สุดแดนสยาม พุทธศาสนาหยั่งรากลึกลงไปในจิตใจสาธุชน.
.
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก…
.

Th.wikipedia.org
Pinterest.com
finearts.go.th/
mgronline.com/
thestandard.co/
blockdit.com/
matichonweekly.com
library.wu.ac.th/