คาถาบูชาหลวงพ่อวัดบ้านแหลม
ตั้ง นโม 3 จบ
“นะ มะ ระ อะ นะ เท วะ อะ”
(ท่อง 9 จบ)
*อาจารย์เทพ สุนทรศารทูล ผู้บันทึกประวัติอภินิหารของหลวงพ่อบ้านแหลม และถวายเป็นลิขสิทธิ์ของวัดเพชรสมุทรวรวิหาร ได้เคยกราบเรียนถามสมเด็จพระธีรญาณมุนี (สนิท เขมจารีมหาเถร ป.ธ.9 ) วัดปทุมคงคา ถึงคาถา “นะ มะ ระ อะ นะ เท วะ อะ” ว่าแปลว่าอะไร
แต่ท่านก็ไม่อาจจะวินิจฉัยได้ว่าแปลว่าอะไร
จึงสันนิษฐานว่า พระคาถาดังกล่าวน่าจะย่อมาจากพุทธพจน์
“นะ มะ ระ อะ” แปลว่า พระอรหันต์ไม่ตาย
(นะ คือ ไม่, มะ ระ คือ มรณะ, อะ คือ อรหันต์)
“นะ เท วะ อะ” แปลว่า พระอรหันต์ไม่ใช่เทวดา
(นะ คือ ไม่, เท วะ คือ เทวดา, อะ คือ อรหันต์)
ดังนั้น พระคาถา “นะ มะ ระ อะ นะ เท วะ อะ” จึงเป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์คู่องค์หลวงพ่อบ้านแหลมมาจนทุกวันนี้
.

.
ตำนานเล่าขานถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระคาถา ดังนี้
เมื่อปีพุทธศักราช 2416 ในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ปีระกา จุลศักราช 1235 ได้เกิดโรคห่า (อหิวาตกโรค) ระบาดในกรุงเทพมหานครและหัวเมืองชายทะเลต่าง ๆ รวมทั้งจังหวัดสมุทรสงคราม ผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก อนึ่งเมืองแม่กลองได้รับภัยจากโรคห่าระบาดครั้งนี้อย่างมาก ผู้คนเจ็บป่วยและเสียชีวิตมาก เป็นที่น่าเอน็จอนาจใจยิ่งนัก
พระสนิทสมณคุณ หรือ หลวงพ่อเนตร เจ้าอาวาสวัดบ้านแหลม ในขณะนั้น ได้เข้าไปกราบนมัสการองค์หลวงพ่อบ้านแหลม ให้ช่วยคุ้มครองชาวแม่กลองจากโรคห่าด้วย
ปรากฎว่าในคืนหนึ่งขณะที่หลวงพ่อเนตรหลับฝันไปว่า หลวงพ่อบ้านแหลม มาบอกให้หลวงพ่อเนตรไปดูคาถาจากพระหัตถ์ของท่านในโบสถ์ แล้วหลวงพ่อเนตรก็ตกใจตื่น จึงรีบปลุกขุนประชานิยม (อ่อง) ซึ่งขณะนั้นเป็นเด็กวัดให้เข้าไปในโบสถ์พร้อมกันในกลางดึกคืนนั้น
หลวงพ่อเนตรจุดเทียนถือเข้าไปส่องที่พระหัตถ์ของหลวงพ่อบ้านแหลม เห็นมีพระคาถาปรากฎบนอุ้งพระหัตถ์ขวาว่า “นะ มะ ระ อะ” อุ้งพระหัตถ์ซ้ายว่า “นะ เท วะ อะ” หลวงพ่อเนตรจดจำจนขึ้นใจแล้วก็รีบทำน้ำมนต์ในโบสถ์จนแล้วเสร็จในรุ่งสาง จึงให้พระเณรในวัดไปบอกชาวบ้านให้มารับน้ำพระพุทธมนต์เพื่อนำไปดื่ม ไปอาบ หรือประพรมป้องกันรักษาโรคห่า
จากนั้นก็เกิดเหตุเป็นที่อัศจรรย์ โรคห่าซึ่งกำลังระบาดและคร่าชีวิตชาวแม่กลองอย่างรุนแรงในขณะนั้น ก็สงบลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ชื่อเสียงเกียรติคุณขององค์หลวงพ่อบ้านแหลมเลื่องลือไปทั่ว และเป็นจุดเริ่มต้นแห่งชื่อเสียงพุทธคุณของหลวงพ่อบ้านแหลม ที่ทำให้ชาวบ้านจากทั่วประเทศพากันมากราบไหว้บูชาจนถึงทุกวันนี้.
.
.

.
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก…
th.wikipedia.org
palungjit.org พลังจิต
เพจกลุ่มเผยแพร่ฯ กรมศิลปากร
กลุ่มวิจัยและพัฒนาห้องสมุด สำนักหอสมุดแห่งชาติ
blog.allonline.7eleven.co.th