ประวัติ คุณแม่บุญเรือน

แชร์บทความ

คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2437 ปีมะเมีย ขึ้น 15 ค่ำ เวลา 11.20 น. บิดาชื่อนายยิ้ม กลิ่นผกา มารดาชื่อ นางสวน กลิ่นผกา มีพี่สาวที่เสียชีวิตไปนานแล้วชื่อ นางอยู่ (หรือ ทองอยู่) กลิ่นผกา คุณแม่บุญเรือน เกิดที่คลองสามวา อำเภอมีนบุรี กรุงเทพฯ ต่อมาได้ย้ายมาอยู่ที่ ตำบลบางปะกอก อำเภอราษฎร์บูรณะ จังหวัดธนบุรี

คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม

ช่วงปฏิบัติธรรม 

คุณแม่บุญเรือน เริ่มต้นฝึกวิปัสสนากัมมัฏฐานที่วัดสัมพันธวงศ์ กับเจ้าอาวาสวัด ท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์ (เทศ นิทฺเทสโก) ต่อมาสามีได้อุปสมบทที่วัดนี้ 1พรรษา และเมื่อลาสิกขาไปแล้ว สามีก็ยังถือมั่นในทางธรรมอย่างมาก เลิกสุราเด็ดขาด ทำบุญให้ทานเป็นประจำ ทำให้คุณแม่บุญเรือนยิ่งศรัทธาเลื่อมใสมากขึ้น กระทั่งวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2470 จึงออกบวชเป็นชี และปฏิบัติธรรมเพียรฝึกหัดวิปัสสนากัมมัฏฐาน ณ วัดสัมพันธวงศ์

บรรลุธรรม 

ท่านตั้งใจจะขอปฏิบัติธรรมให้สำเร็จอยู่ที่ศาลาวัดสัมพันธวงศ์ เป็นเวลา 90 วัน โดยถือศีล 8 บวชเป็นชี นั่งสวดมนต์ภาวนา เจริญวิปัสสนาตามแนวทางของท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ (ในสมัยนั้น) แม้จะผ่านมาถึงวันที่ 89 ก็ยังไม่สำเร็จธรรม ด้วยความท้อใจจึงกลับไปบ้านสามี 

คุณแม่บุญเรือน อาบน้ำ นุ่งขาวห่มขาว เตรียมตัวสวดมนต์ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 14 พฤษภาคม 2470 ท่านก็ได้เห็นมารดาและหลานๆนอนหลับ มารดานั้นกรน ส่วนหลานๆ ก็ละเมอบ่นพึมพำ จึงรู้สึกเกิดธรรมสังเวช เบื่อหน่ายต่อสภาพอย่างนั้นขึ้นมา ท่านคิดอยากหลีกหนี จึงนั่งสมาธิกรรมฐานในห้องพระ จนถึงเวลาประมาณตี 2 ก็รู้สึกแน่นหน้าอก อึดอัด หายใจไม่ออก คล้ายกำลังจะตาย จึงตั้งสติว่า “ถ้าจะตายก็ขอให้ตายในตอนนี้เถิด จะได้หมดเวรหมดกรรม ธรรมก็ยังไม่ได้บรรลุเลย” น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เมื่อคุณแม่บุญเรือนคิดดังนั้น อาการที่เผชิญก็หายไปหมดสิ้น เกิดความสว่างและรู้ตัวว่าบรรลุอภิญญาถึง 5 อย่าง มีพระธรรมเข้าประทับ เมื่อนึกอยากรู้อยากเห็นอะไรก็รู้แจ้งสว่างไสว และยังได้อิทธิปาฏิหาริย์อีกด้วย 

เมื่อบรรลุธรรมแล้วก็ได้นั่งกรรมฐานต่อไปอีก จนใกล้ตี 5 ท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานขอให้เข้าไปนั่งในศาลาวัดสัมพันธวงศ์ พอสิ้นอธิษฐาน ปรากฏว่าได้เข้ามานั่งอยู่ในศาลาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเรื่องที่คุณแม่บุญเรือนหายตัวมาปรากฏอยู่ในศาลาวัดแพร่หลายออกไป ก็มีพระเณรเถรชี อุบาสกคุณแม่ต่างก็มารุมล้อมด้วยความอัศจรรย์ใจ ต่อมาคุณแม่บุญเรือน ท่านได้อธิษฐานหายตัวจากศาลาไปเขาวงพระจันทร์ ท่านได้พบพระผู้วิเศษที่นั่น และได้รับพระธาตุ 1 องค์จากพระองค์นั้น กลับมาพระธาตุยังกำอยู่ในมือ หลังจากนั้นท่านก็มิได้แสดงฤทธิ์อะไรให้คนชมอีกเลย เว้นแต่อยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็น

บั้นปลายชีวิต 

ประมาณเดือนมกราคม พ.ศ. 2507 ท่านมีอาการป่วยโรคไต หัวใจอ่อน โลหิตจาง และความดันโลหิตสูง ติดต่อกัน ไม่ยอมรับรักษาของแพทย์ ท่านต้องนอนป่วยลุกนั่งไม่ได้เป็นเวลา 9 เดือน “อันว่า สังขาร ร่างกาย และใจ หรือขันธ์ห้านี้ ไม่ใช่ตัวของเรา มันเป็นเพียงเครื่องอยู่อาศัยชั่วคราวเท่านั้น เป็นเรือนทุกข์ แม่ต้องการออกไปจากเรือนทุกข์นี้” คุณแม่บุญเรือนกล่าว ซึ่งแสดงถึงผู้สิ้นอาสวะกิเลสผู้บรรลุอาสวักขยญาณโดยแท้

ต่อมาวันที่ 3 – 5 กันยายน ในปีเดียวกัน ท่านอ่อนเพลียมาก เหนื่อยเมื่อต้องพูด และเบื่ออาหาร เสมหะเหนียว ด้านปวงสานุศิษย์ลูกหลาน ยังคงร่วมชุมนุมสวดมนต์ภาวนาเช่นเคย คุณแม่ก็ยังทักทายพูดคุยได้อย่างแจ่มใส หากไม่สังเกตจะไม่ทราบอาการเลย ก่อนหน้านี้หลายสัปดาห์ คุณแม่ได้สั่งให้หยุดนาฬิกาเรือนใหญ่ไว้ ที่เวลา 11.00 น. เศษทั้งสองเรือน ท่านบอกว่า หนวกหู ชาวคณะสามัคคีวิสุทธิ จึงทำตามคำสั่งโดยมิได้เฉลียวใจแต่อย่างใด และในเวลา 11.20 น. ของวันที่ 7 กันยายน 2507 คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ก็ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ

ติดต่อลงประกาศข้อมูลพระเครื่อง

บทความเพิ่มเติม